สิงโต ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าป่าหรือราชาแห่งสรรพสัตว์ทั้งปวง สาเหตุที่ได้ฉายานี้มา ไม่ได้เป็นเพราะว่าสิงโตมีพละกำลังหรือความรวดเร็วที่เหนือกว่าสัตว์อื่น แต่เพราะวิธีการล่าเหยื่อที่ทำให้พรากเอาชีวิตไปจากเป้าหมายได้แทบทุกครั้งนั่นเอง ลักษณะเด่นของการล่าแบบสิงโต คือ การล่าแบบทีม โดยที่มีสิงโตตัวผู้ที่เป็นจ่าฝูงเป็นแกนนำ เมื่อพบเป้าหมาย สิงโตตัวผู้จะค่อยๆ มุ่งตรงเข้าไปด้านหน้าของเหยื่อ ในระหว่างนั้นสิงโตตัวเมียในทีมก็จะแบ่งกันออกไปตีโอบล้อมรอบเหยื่อเอาไว้ เมื่อถึงจังหวะที่เหมาะสม สิงโตตัวผู้ก็จะปรากฎตัวออกมาพร้อมกับเปล่งเสียงคำรามดังลั่น ซึ่งนับว่าเป็นสัญญาณมรณะของเหยื่อ เหยื่อที่ตกใจก็จะรีบกระโดดหนีไปคนละทิศละทาง ซึ่งถึงแม้ว่าเหยื่อนั้นจะว่องไวสักเพียงใด แต่เมื่อตกอยู่ในวงล้อมของสิงโตทั้งฝูง ก็หมดหนทางที่จะหนีรอดไปได้ นี่คือวิธีการล่าเหยื่อที่สมบูรณ์แบบของสิงโต ซึ่งมีสิงโตตัวผู้เป็นผู้นำ และสิงโตตัวเมียเป็นผู้ล่า
ขนาดของฝูงสิงโต ขึ้นอยู่กับระดับความเป็นผู้นำของสิงโตตัวผู้ ซึ่งแสดงออกผ่านทางขนแผงคอที่หนาแน่นสีเข้มอันบ่งบอกถึงบุคลิกภาพที่เหนือล้ำ และเสียงคำรามที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจอันบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งที่มีอยู่ภายใน ถ้าปราศจากสองสิ่งนี้ เหล่าสิงโตตัวเมีย ก็จะไม่สนใจที่จะมาติดตามสิงโตตัวผู้เลย สำหรับสิงโตตัวผู้ที่ไม่มีฝูง ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์นักล่าอื่นๆ ที่ล่าได้บ้างไม่ได้บ้าง บางตัวนั้นต้องยอมลดศักดิ์ศรีตัวเองลงไปกินซากสัตว์ที่ตายแล้วเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ หรือถึงขนาดต้องอดตายไปในที่สุด
ลักษณะเด่นของคนเผ่าสิงโต
เผ่าสิงโต เป็นหนึ่งในรูปแบบของความเป็นผู้นำ และมักเป็นภาพลักษณ์ที่คนทั่วไปมักเลือกให้เป็นผู้นำในอุดมคติ สิ่งที่เผ่าสิงโตมีเหนือกว่าเผ่าอื่นๆ คือ ความสามารถในการมองเห็นเป้าหมายที่ชัดเจน ความมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อให้ได้รับชัยชนะ การตัดสินใจที่รวดเร็วและเฉียบคม และการสั่งการทุกคนในทีมอย่างชัดเจนจนสามารถทำงานสอดประสานกันได้เป็นอย่างดี
เช่นเดียวกับสิงโตจ่าฝูงที่จำเป็นต้องมีแผงคอที่สวยงาม เผ่าสิงโตที่ประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด หรือมีความสามารถสูงที่สุดในทีม แต่เป็นคนที่มีบุคลิกภาพของความเป็นผู้นำอย่างโดดเด่นจนคนอื่นๆ อยากที่จะติดตาม สาเหตุหลักที่คนเลือกติดตามผู้นำแบบสิงโต เพราะผู้นำแบบสิงโตทำให้พวกเขามั่นใจว่า คนนี้แหละคือคนที่จะพาเขาให้เติบโตก้าวหน้าไปสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งใจไว้ได้
เผ่าสิงโตจัดได้ว่าเป็นเผ่าที่ใจร้อนที่สุดเผ่าหนึ่ง เพราะว่าเผ่าสิงโตเป็นคนที่มีเป้าหมายชัดเจนและมุ่งมั่นที่จะเอาชนะอยู่เสมอ ประกอบกับการตัดสินใจที่รวดเร็ว ดังนั้นเมื่อมีสิ่งที่ผิดพลาด หรือล่าช้ากว่ากำหนด จนอาจส่งผลให้เป้าหมายนั้นไม่สำเร็จ เผ่าสิงโตจะรู้สึกไม่พอใจ อึดอัด โมโห หรืออาจแสดงอาการเกรี้ยวกราดออกมาอย่างชัดเจน อย่างไรก็ดี แม้ว่าความใจร้อนและโมโหง่าย อาจไม่เป็นที่ปลาบปลื้มสำหรับคนเผ่าอื่นเท่าไหร่นัก แต่ความรู้สึกไม่พึงพอใจและความปรารถนาไม่อยากให้มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้งานนั้นไม่สำเร็จ เป็นสิ่งที่ดีและจำเป็นต่อการก้าวสู่ความสำเร็จของเผ่าสิงโตและองค์กรด้วย ดังนั้น จึงถือว่าเป็นจุดอ่อนที่ยอมรับได้
ถึงแม้ว่าเผ่าสิงโตจะได้รับอนุญาตให้รู้สึกไม่พึงพอใจ หงุดหงิด โกรธได้ แต่สิ่งที่ต้องระวังอย่าให้มี คือ วิธีการแสดงออกถึงความไม่พอใจที่ไม่ถูกต้อง เช่น โกรธจนตำหนิต่อว่าคนในทีมอย่างรุนแรงต่อหน้าคนอื่น ใช้คำหยาบคาย การแสดงอารมณ์โดยการทำร้ายร่างกาย จิตใจของคนอื่น หรือทำลายข้าวของ เป็นต้น อย่าลืมว่า งานไม่สามารถสำเร็จได้ถ้าไม่มีคนทำงาน การทำให้คนยินดีทำงานให้เรา ก็เป็นสิ่งสำคัญสู่ความสำเร็จเช่นกัน
สำหรับเผ่าสิงโตมีหลุมพรางที่ต้องระวังหลักๆ อยู่ 2 หลุมพราง หลุมพรางแรก ในฐานะผู้นำที่โดดเด่น เผ่าสิงโตจึงสุ่มเสี่ยงต่อความคิด เหมารวมว่าความสำเร็จทั้งหมดมาจากตัวเองเพียงคนเดียว คนอื่นๆ ในทีมต้องให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นพิเศษ หรือยกย่องเยินยอตัวเองที่นำความสำเร็จมาสู่ทุกคนได้ อย่าลืมว่าแม้คุณจะเป็นผู้นำทีม แต่หากไม่มีสมาชิกในทีมที่ร่วมกันทำในบทบาทหน้าที่ของแต่ละคน คุณก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
หลุมพรางที่สอง สำหรับกรณีที่คุณไม่ใช่เบอร์หนึ่งขององค์กร คุณต้องระลึกเสมอว่า คุณคือแม่ทัพไม่ใช่กษัตริย์ (You are a General, not a King) คุณต้องระวังว่าจะไม่คิด ทำ และตัดสินใจด้วยตัวเองอย่างรวดเร็วมากเกินไป จนกลายเป็นล้ำเส้นเจ้านายของคุณ อย่าลืมว่าคนที่เล็งเห็นถึงความสามารถที่คุณมี และให้คุณได้รับโอกาสในการแสดงออกคือเขา คุณจึงควรต้องให้เกียรติและเชื่อฟังเขาอย่างจริงใจ
Kommentare