สุนัขป่า เป็นสัตว์กินเนื้อ เป็นหนึ่งในผู้ล่าที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลกตั้งแต่เหนือสุดจนใต้สุด ทั้งบนภูเขาและบนที่ราบ ในป่าดงดิบหรือแม้กระทั่งในทะเลทราย สุนัขป่าสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดี ขอเพียงให้ที่นั่นมีเหยื่อที่มากเพียงพอให้ฝูงสุนัขป่าล่าเพื่อดำรงชีพ สุนัขป่าจัดได้ว่าเป็นสัตว์ที่มีความโดดเด่นในหลายด้าน ทั้งจมูกที่ดมกลิ่นได้เป็นอย่างดี เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว มีฟันที่แข็งแรงพร้อมแรงกัดมหาศาล และเล็บที่แหลมคมพร้อมที่จะขย้ำเหยื่อ เดินบนหิมะได้ ว่ายน้ำได้ มีความอึดสูง ฯลฯ แม้ว่าในแต่ละด้านนั้นจะไม่ได้จัดว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งปวงก็ตาม แต่ก็เรียกว่าทำได้ดีมากทีเดียว ด้วยความสามารถเหล่านี้ทำให้เมื่อสุนัขป่าต้องออกล่าเป็นฝูงก็สามารถทำได้เป็นอย่างดี และมีประสิทธิภาพที่จะล้มสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเองมากได้ แต่ก็มีในบางเวลาที่สุนัขป่าอาจเลือกอยู่อย่างลำพังโดยยังสามารถล่าเหยื่อที่ตัวเองต้องการได้เช่นกัน
ฝูงสุนัขป่าจะเป็นฝูงที่มีการบริหารจัดการภายในที่ดีมาก มีการแบ่งบทบาทหน้าที่ผู้นำผู้ตามที่ชัดเจน ในกลุ่มย่อยผู้นำมักจะเป็นสุนัขป่าตัวพ่อตัวแม่ และมีผู้ตามคือลูกๆ ของมัน ในระดับที่ใหญ่ขึ้นมา จะมีจ่าฝูงซึ่งมักจะเป็นสุนัขป่าที่มีอาวุโสที่สุด ตัวใหญ่ที่สุด แข็งแรงที่สุด และฉลาดที่สุด จ่าฝูงจะเป็นผู้รับผิดชอบตัดสินใจสิ่งที่เกิดขึ้นในฝูงทั้งหมด
สุนัขป่ามีวิธีการสื่อสารระหว่างสุนัขป่าด้วยกันอยู่ 3 วิธีหลักๆ คือ สื่อสารโดยเสียง สื่อสารโดยกลิ่น และสื่อสารโดยใช้ท่าทางภาษากาย โดยเฉพาะท่าทางภาษากายจะเป็นกลไกสำคัญที่ใช้ในการควบคุมดูแลกันภายในฝูง เมื่อต้องการสื่อสารกับฝูง จ่าฝูงจะแสดงออกโดยการยกหางขึ้นสูงและยืดตัวขึ้นตั้งตรง ในขณะที่สุนัขป่าตัวอื่นๆ จะลดหางลงและอาจย่อตัวลงต่ำด้วย ในเวลาที่สุนัขป่ามีความขัดแย้งกัน แต่ละตัวจะพยายามแยกเขี้ยวขู่คำรามเพื่อแสดงออกถึงความน่าเกรงขามของตัวเองให้คู่ต่อสู้กลัว แต่โดยทั่วไป ตัวที่มีศักดิ์ต่ำกว่า มักจะยอมแพ้ไปโดยดีก่อนที่จะมีการต่อสู้กันจริง และเพื่อเป็นการแสดงออกถึงการยอมรับในสิทธิอำนาจของอีกฝ่ายหนึ่ง สุนัขป่าตัวที่ยอมแพ้จะล้มตัวลงบนพื้นแล้วหงายท้อง นอกจากนี้สุนัขป่ายังแสดงออกผ่านภาษากายอีกหลายอย่างเช่น ถ้ารู้สึกโกรธ หูจะตั้งตรงและแยกเขี้ยวออก ถ้ารู้สึกระแวงสงสัย หูจะถูกดึงถอยหลังลงมาและจะชำเลืองตามอง ถ้ารู้สึกกลัว หูจะลู่ไปด้านหลังจนแนบกับหัว และถ้ารู้สึกอยากเล่น ก็จะกระโดดโลดเต้นสลับกับย่อตัวลง
ส่วนในเรื่องของนั้น เสียงของสุนัขป่าแบ่งออกได้เป็น 4 แบบ เห่า คราง คำราม และหอน ในบางครั้งก็อาจจะผสมทั้งเสียงเห่ากับคำราม หรือครางกับหอน ทั้งหมดนั้นถูกใช้ในการสื่อสารระหว่างสุนัขป่าด้วยกัน เสียงเห่าจะใช้ในการบอกเตือนให้สุนัขป่าในฝูงรับรู้ถึงอันตราย เสียงครางจะใช้ในการสื่อสารว่ากำลังจะสนิทสนมด้วยและใช้บ่งบอกถึงการยอมจำนน เสียงคำรามใช้เพื่อเตือนหรือขู่คู่ต่อสู้ที่กำลังเข้ามาเผชิญหน้า และเสียงหอนใช้เพื่อเตือนภัยในระยะไกล ทั้งเป็นการข่มขวัญศัตรู และเป็นการแจ้งเตือนสุนัขป่าในฝูงให้รีบมารวมตัวกันเพราะอันตรายเข้ามาใกล้ หรือในบางครั้งเสียงหอนก็อาจเป็นเพียงความคึกคะนองอยากเล่นสนุกก็เป็นได้
ในเรื่องของกลิ่น สุนัขป่าจะใช้กลิ่นเพื่อแสดงอาณาเขตของตน สุนัขป่านอกฝูงเมื่อเข้ามาใกล้อาณาเขตของฝูงสุนัขป่า ก็จะรับรู้ได้ทันทีว่า ตรงนั้นเป็นอาณาเขตของฝูงอื่น สุนัขป่าในฝูงจะสามารถจดจำกลิ่นของจ่าฝูงตัวเองได้ ซึ่งเป็นประโยชน์มากในกรณีที่มีการย้ายถิ่นฐาน หรือมีสุนัขป่าบางตัวหลงออกจากฝูงไป
ลักษณะเด่นของเผ่าสุนัขป่า
เผ่าสุนัขป่า คือ ผู้เล่นคนที่หก ในวงการบาสเก็ตบอลที่มีผู้เล่นในสนาม 5 คน แต่ละคนจะมีตำแหน่งเฉพาะตัวขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญและคุณสมบัติที่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้เล่นหลักคนใดคนหนึ่งเกิดมีปัญหา เช่น เหนื่อยล้าหรือบาดเจ็บ หรือต้องการปรับเปลี่ยนแทคติคบางอย่าง ผู้เล่นคนที่หกจะเป็นตัวสำรองคนแรกที่มักถูกเปลี่ยนตัวลงไป คนที่อยู่ในเผ่าสุนัขป่า มักเป็นคนที่ชอบเรียนรู้ฝึกฝนพัฒนาทักษะต่างๆ ที่ตัวเองมองว่าจำเป็น และพร้อมที่จะฝึกฝนปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอจนมีทักษะนั้นติดตัว เผ่าสุนัขป่าส่วนใหญ่จึงเป็นคนที่มีทักษะความสามารถหลากหลาย ทำงานได้หลายอย่างและทำได้ดีเสียด้วย แม้ว่าจะไม่ได้ถึงระดับที่เรียกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ แต่ก็เพียงพอที่จะทำงานแทนในเวลาที่ขาดมือหนึ่งในแต่ละด้านได้อย่างไม่มีปัญหา ทำให้คนเผ่านี้มักกลายเป็นผู้เล่นที่ทรงคุณค่าที่แต่ละทีมอยากได้ตัวไปอยู่ด้วย แต่ด้วยความที่เผ่าสุนัขป่าส่วนใหญ่มีความสามารถในระดับมือสอง จึงมักไม่ถูกนึกถึงเป็นคนแรกเมื่อผู้บริหารต้องการคนที่โดดเด่นที่สุดในเรื่องนั้นๆ
นอกจากบทบาทผู้เล่นคนที่หก (ตัวสำรองลำดับที่หนึ่ง) อีกบทบาทหนึ่งที่เผ่าสุนัขป่ามักจะทำได้ดีและสามารถสร้างคุณค่ามากมายให้กับองค์กรได้ คือ บทบาทการเลี้ยงดูบ่มเพาะคนรุ่นใหม่ขององค์กร ซึ่งเหมาะกับเผ่าสุนัขป่าที่ชอบฝึกฝนพัฒนาทักษะต่างๆ ด้วยตัวเอง ทำให้เข้าใจวิธีการที่จะเรียนรู้ฝึกฝนพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้มีทักษะเหมือนกับตัวเอง ยิ่งถ้าหากเผ่าสุนัขป่าได้เรียนรู้พัฒนาทักษะการโค้ชด้วยแล้วล่ะก็ จะยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและโอกาสในการประสบความสำเร็จให้กับเผ่าสุนัขป่าได้มากเลยทีเดียว กองทัพที่แข็งแกร่งในอดีตต่างรู้และเข้าใจเรื่องนี้ดี ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ว่าเผ่าสุนัขป่าจะเก่งกาจในการรบและสามารถใช้อาวุธได้หลากหลาย แต่จะไม่ถูกส่งไปเป็นทหารกองหน้าเป็นอันขาด ในทางกลับกัน เผ่าสุนัขป่ามักถูกเลือกให้เป็นครูฝึกทหาร เพื่อฝึกฝนทหารรุ่นใหม่ให้มีระเบียบวินัยและมีทักษะในการรบพุ่งเพียงพอที่จะออกไปเป็นทหารแนวหน้า
อย่างไรก็ดี ด้วยความที่เผ่าสุนัขป่าเป็นเผ่าที่เน้นข้อมูล ความจริง และยึดหลักเหตุผล จึงทำให้หลายครั้งเผลอมองข้ามความเป็นมนุษย์ที่มีอารมณ์ความรู้สึกไป สำหรับเผ่าอื่นที่ต้องทำงานกับเผ่าสุนัขป่าอาจต้องทนรำคาญจากการจู้จี้จุกจิก ลงลึกในทุกรายละเอียด โดยเฉพาะเมื่อเผ่าสุนัขป่าต้องรับบทบาทในการตรวจสอบควบคุม ความละเอียดรอบคอบบวกกับตรรกะเหตุผล และทักษะความสามารถรอบด้านที่มีในตัว จึงมักทำให้ใครก็ตามที่คิดจะเถียงเอาชนะเผ่าสุนัขป่า หรือพยายามจะปิดซ่อนความผิดพลาดให้หลุดรอดจากสายตาของเผ่าสุนัขป่า ก็มักจะเป็นเรื่องยากเลยทีเดียว
โดยทั่วไปเผ่าสุนัขป่ามักเป็นคนที่แสวงหาความสมบูรณ์แบบ (ทั้งโดยที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว) หลายครั้งจึงมักจมดิ่งลงไปในรายละเอียดบางอย่าง พยายามทำให้สิ่งนั้นออกมาดีที่สุด จนต้องใช้เวลานานกว่าที่ควรจะเป็น และในบางครั้งก็อาจใช้เวลาเกินกว่าที่กำหนดไว้ จนอาจทำให้กระทบกับงานในส่วนอื่นๆ เช่นเดียวกับในเรื่องของการตัดสินใจ ที่เผ่าสุนัขป่ามักจะทำได้ช้าในกรณีที่รู้สึกว่าข้อมูลยังไม่มากเพียงพอ และยังมองเห็นความเสี่ยงที่ป้องกันไม่ได้อยู่ นี่ถือเป็นจุดอ่อนที่ต้องแก้ไขของเผ่าสุนัขป่า อย่าลืมว่างานที่สมบูรณ์แบบที่เสร็จตอนที่ไม่มีใครต้องการใช้แล้ว ก็เท่ากับงานที่ล้มเหลวและไร้ประโยชน์ การตัดสินใจที่ไม่ทันการณ์ ก็เท่ากับการตัดสินใจยอมรับชะตากรรมที่เลวร้ายที่สุด เผ่าสุนัขป่าจะต้องรู้จักเลือกให้ได้ว่า อะไรคือสิ่งที่ตัวเองควรให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกๆ อะไรที่พอจะยอมปล่อยผ่านได้ อะไรที่ยังไม่ต้องให้ความสนใจมากนัก ซึ่งหากมีเวลาเหลือพอค่อยกลับมาทำให้มันดีขึ้นใหม่ก็ยังได้
หลุมพรางที่เผ่าสุนัขป่าจะต้องระวัง คือ ด้วยความที่เผ่าสุนัขป่าสามารถทำได้หลายอย่างและทำได้ดีด้วย ทำให้เผ่าสุนัขป่าจำนวนมากตกอยู่ในสภาวะเลือกไม่ได้ว่าควรกำหนดทิศทางอนาคตของตัวเองไปในทิศทางใด เมื่อเลือกเองไม่ได้จึงต้องถูกเลือกโดยผู้อื่นแทน แม้ว่าไม่ว่าถูกเลือกให้ไปทำงานอะไรเผ่าสุนัขป่าก็ทำได้ดีทั้งหมด แต่ไม่ใช่ทุกงานจะเป็นงานที่ตัวเองอยากทำ และนั่นอาจทำให้เกิดเป็นความเครียดสะสมและความเบื่อหน่ายที่ฝังลึกอยู่ในตัว รอวันระเบิดออกมา เผ่าสุนัขป่าต้องเพิ่มความกล้าที่จะตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตให้กับตัวเอง อะไรที่ตัวเองจะทำ และอะไรที่ตัวเองจะไม่ทำ ความชัดเจนในตัวเองจะช่วยให้เผ่าสุนัขป่าโดดเด่นขึ้นมา และสามารถเติบโตในเส้นทางที่ตัวเองเป็นคนเลือกด้วยตัวเองได้ นอกจากนี้เผ่าสุนัขป่าต้องไม่ลืมว่า แม้ว่าตัวเองจะเก่งรอบด้าน แต่หากต้องเจอกับคนที่เป็นเบอร์หนึ่งในแต่ละด้านแล้ว สุนัขป่าก็ยังพ่ายแพ้อยู่ดี ด้วยเหตุนี้เผ่าสุนัขป่าต้องระวังไม่หลงภาคภูมิใจไปกับความเก่งของตัวเอง จนทำให้ตัวเองไม่ยอมรับฟังใคร หรือหยุดพัฒนาตัวเองไปเพราะมั่นใจว่าตัวเองทำได้ดีพอแล้ว
Comments